วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
๕ ธันวามหาราช
วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
โภชนนะบำบัด Dietatics ตอนสุดท้าย
วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553
โภชนะบำบัด Dietetics ตอนที่ 2
วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553
โภชนะบำบัด Dietetics ตอนที่ 1
วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การฝังเข็มสุนัข Dog acupuncture
วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เป็นเอดส์ยังมีความหวัง (2)
จากบทความที่แล้วหมอได้เล่าถึงผลของการใช้การแพทย์ทางเลือก ในการบรรเทาอาการแทรกซ้อนของโรคเอดส์ในแมว ซึ่งได้ผลดี แต่กรณีที่ต้องใช้วิธีฝังเข็มนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากหากไม่สามารถนำแมวมาพบหมอได้ ดังนั้นจึงขอเล่าเพิ่มเติมถึงการใช้ การนวดกดจุดแบบการแพทย์จีน แทนการฝังเข็ม แต่ต้องขอออกตัวก่อนว่าอ่านของอาจารย์ฝรั่งมา ไม่ได้ใช้วิธีนี้กับสัตว์ป่วยเพราะตัวเองเป็นสัตวแพทย์จึงชอบวิธีที่เห็นผลเร็ว การนวดกดจุดต้องทำบ่อยกว่าเหมาะสำหรับเจ้าของสัตว์ หรือ คนใกล้ชิด
ตำแหน่งจุดในร่างกายของคนสามารถเทียบลักษณะทางกายวิภาคมาเป็นของสัตว์ได้ โดยใช้จุดฝังเข็มเป็นเกณฑ์ จุดที่แนะนำให้ใช้กดจุดต่อไปนี้ Dr. Cheryl Schwartz ได้เป็นผู้ลองทำการรักษาแมวป่วย ด้วยโรคไวรัสรวมถึงโรคเอดส์ด้วย เธอมีประสบการณ์ในการใช้การแพทย์ทางเลือกมาไม่น้อยกว่า 15 ปี น่าเสียดายที่เธอไม่ได้รวมเป็นงานวิจัย จึงไม่มีตัวเลขแมวป่วยที่แน่นอน
จุดที่แนะนำมีดังนี้
ST36 หรือมีชื่อจีนว่า จู๋ซานหลี่
หน้าที่ : ช่วยพลังชี่ทั่วทั้งร่างกายแข็งแรงขึ้น บำรุงพลังที่เกี่ยวกับภูมิต้านทาน กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว และช่วยการสร้างเลือดและการย่อยอาหาร
ตำแหน่ง : ด้านนอกของขาหลังใต้หัวเข่า ใกล้กับสันหน้าแข้ง จุดนี้อยู่กึ่งกลางของมัดกล้ามเนื้อ กดด้วยแรงกดคงที่เป็นวงกลม
PC 6 หรือ เน่ยกวาน
หน้าที่ : เพิ่มการสร้างเม็ดเลือดขาว โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ ST36 นิยมใช้ในเรื่องวิตกกังวล คลื่นไส้
ตำแหน่ง : ด้านในของขาหน้า เหนือระดับอุ้งเท้าอันบนสุดพอดี ซึ่งอุ้งเท้านี้จะอยู่เหนือข้อเท้าเล็กน้อย จุดนี้อยู่ระหว่างเส้นเอ็นสองเส้นที่ชิดกันมาก ยาวลงมาตามแนวขา ให้งอข้อเท้าขาหน้าของแมว และกดจุดลงไปบนระหว่างเส้นเอ็นนั้น
LI 4 หรือเหอกู่
หน้าที่ : กระตุ้นระบบภูมิต้านทานโดยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดขาว บทบาทในการกำจัดสารพิษต่างๆ เพิ่มการสร้าง interferon ซึ่งจะช่วยต่อสู้กับเชื้อไวรัส จุดนี้สามารถใช้ในระหว่างมีการแพร่ระบาด ใช้ลดไข้ ป้องกันโรค ทำให้ระบบน้ำเหลืองยังคงทำงาน และเสริมพลังภูมิต้านทาน
ตำแหน่ง : ง่ามนิ้วของนิ้วติ่งของขาหน้ากับกระดูกที่ต่อจากข้อเท้าของนิ้วถัดไป เราสามารถนวดจุดนี้ไปบนง่ามนิ้ว โดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่โป้งของเรานวดเบาๆในลักษณะเดินหน้าและถอยหลัง
LI 11 หรือชีฉือ
หน้าที่ : เพิ่มการสร้างเม็ดเลือดขาว กำจัดสารพิษ และลดไข้
ตำแหน่ง : ด้านนอกของขาหน้า ที่ข้างหลังของปุ่มกระดูกข้อศอกเล็กน้อยขณะงอข้อศอก กดที่จุดนี้วนเป็นวงกลมด้วยแรงกดคงที่
GV 14 หรือ ต้าจุ้ย
หน้าที่ : กระตุ้นการหมุนเวียนของเม็ดเลือดขาวที่จะช่วยกำจัดพิษ ใช้ลดไข้ได้ดีเมื่อมีการติดเชื้อเฉียบพลัน
ตำแหน่ง : บนเส้นกลางตัวของสันหลังบริเวณกระดูกสันคอชิ้นสุดท้ายกับกระดูกสันหลังของอกชิ้นแรก ตรงเหนือรอยต่อของกระดูกสองชิ้นนี้ หาจุดนี้พบง่ายได้โดยการขยับคอแมวให้ก้มลงและไปข้างหน้า หรือขยับคอให้เงยขึ้นลง จุดจะอยู่ตรงที่กระดูกคอสุดท้ายอยู่นิ่งต่อกับกระดูกสันหลังของอก ใช้ปลายนิ้วหรือเล็บกดไปข้างหน้าและหลังกลับไปกลับมา ด้วยแรงกดที่มากแต่ไม่ทำให้เขาเจ็บ
SP 6 หรือ ซานอินเจียว
หน้าที่ : ช่วยของเหลวและเลือดในร่างกาย ช่วยการไหลเวียนเลือดและพลังให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท้องเสีย อาเจียน น้ำหนักลด
ตำแหน่ง ; ด้านในของขาหลัง หลังกระดูก ใต้จุดเริ่มต้นของเอ็นร้อยหวายที่ต่อมาจากมัดกล้ามเนื้อ
K I3 หรือ ไท่ซี
หน้าที่ : ช่วยไตควบคุมระบบภูมิต้านทาน ดีสำหรับอาการเลือดจาง ลิวคีเมีย การขาดน้ำ ปัญหาของไขกระดูก
ตำแหน่ง : ด้านในของขาหลัง ที่พอดีเหนือข้อเท้า อยู่กึ่งกลางระหว่างเอ็นร้อยหวายกับปุ่มกระดูกข้อเท้าด้านหลัง จับจุดนี้ด้วยนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือนาน 15หรือ 30 วินาที
BL 23 หรือเสิ้นซู่
หน้าที่ : กระตุ้นภูมิต้านทาน
ตำแหน่ง : หลุมบนกล้ามเนื้อสองข้างของกระดูกสันหลัง ระหว่างกระดูกเอวท่อนที่ 2 และ 3 กดในลักษณะวนเป็นวงกลมออกไปนอกตัว กดไปข้างหน้าและหลังกลับไปกลับมา
อาจต้องใช้ความพยายามและความอดทนอยู่ซักหน่อยสำหรับผู้เลี้ยง แต่ทั้งหมดนี้คงเป็นเรื่องง่ายๆ ได้ เพราะความรักและความผูกผันที่ทั้งคุณและเจ้าเหมียวมีให้กัน หากเราได้เห็นพวกเขามีความสุขมีสุขภาพที่ดีขึ้น เพียงแค่นั้นก็ทำให้หายเหนื่อยได้ หมอก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คน
เป็นเอดส์ยังมีความหวัง
โรคเอดส์ เป็นโรคที่หากใครได้ยินได้ฟังก็ต้องรู้สึกประหวันพรันพรึง ไม่อยากพบพานหรือเข้าใกล้ด้วยประการทั้งปวง เพราะเข้าใจว่าโรคนี้เป็นแล้วไม่หายมีและมีแต่รอวันที่อาการจะทรุดลงเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงโรคเอดส์นั้นถือว่าเป็นโรคที่รักษาได้ถึงแม้จะไม่หายขาด และการลงมือป้องกันปราบปรามโรคร้ายนี้ยังคงต้องเข้มข้นกันต่อไป
หัวข้อที่น่าสนใจก็คือ การแพทย์ทางเลือก จะมีส่วนเสริมภูมิต้านทานแก่ผู้เป็นโรคนี้ได้หรือไม่??? อย่างเช่น การฝังเข็มเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หมอเคยถามแพทย์ฝังเข็มว่าได้เคยทดลองทำการฝังเข็มให้กับผู้ป่วยบ้างไหม คำตอบที่ได้รับทำให้ต้องอึ้งและจนด้วยเหตุผลก็คือ "ไม่กล้าทำ เพราะกลัวเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากเข้มที่มาจากผู้ป่วย"
ถ้าเราลองหันมาดูคุณเหมียวที่ไม่ยอมนอนหวดจนต้องยืนยันความเป็นแมวเก้าชีวิตด้วยความเข้มแข็งทั้งทางร่างกายและจิตใจ เคล็ดลับคือ เพราะไม่รู้เลยไม่เสียกำลังใจ (ใครที่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่กำลังเสียใจกรุณาเล่าเรื่องแมวตัวเล็กๆ เหล่านี้ให้เขาเป็นตัวอย่าง เผื่อเขาจะลองคิดอย่างแมวดู) อาจารย์ฝรั่งของหมอมีเพื่อนทำงานทางภาคเหนือของบ้านเราเคยเล่าให้ฟังว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์ชาวไทยเคยได้รับการฝังเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (ซึ่งไม่มีตัวรายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการ) กลับพบว่าผลไม่เป็นตามที่คาดหวัง สิ่งเดียวที่หมอคิดว่ามีความแตกต่างกันระหว่างคนกับแมวนั้นก็คือ กำลังใจ
จากการที่หมอได้ติดตามแมวมากกว่า 5 ตัว ที่ป่วยด้วยโรคนี้และได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มสัปดาห์ละครั้ง นาน 5 ครั้ง ซึ่งพบว่าแมวมีอาการกระปรี้กระเปร่า อยากอาหาร เริ่มเล่นหยอกล้อบ้าง ส่วนแผลในปากและอาการท้องเสียนั้นอาจจะดีขึ้นจากยาแผนปัจจุบันที่ใช้ร่วมกัน โดยถือ หลักการแพทย์ผสมผสาน
แมวเหล่านี้อาจมีผลเลือดที่ไม่ดีนัก เช่น เลือดจาง ติดเชื้อ เม็ดเลือดขาวต่ำ ก็จะให้ยาแผนปัจจุบันกินร่วมด้วย ติดที่ว่าเป็นงานวิจัยจึงไม่สามารถนำยาสมุนไพรมาใช้ในกลุ่มทดลองได้ งานวิจัยนี้ยังไม่สิ้นสุดโครงการแต่ขาดนิสิตมาทำงานในส่วนของห้องปฏิบัติการจึงยังไม่สรุปผล แต่ที่หมอรุ้สึกก็คือ อาการจะดีขึ้น (มีตัวหนึ่งดีเกินไปจนหนีเที่ยวไปประสบเหตุถูกสุนัขรุมกัดตาย ทำเอาหมอมึนไประยะหนึ่ง)
ทีนี้ ถ้าเราไม่ฝังเข็มจะเลือกใช้วิธีอื่นได้บ้างไหม คำตอบคือ มี ใช้ได้ทั้งยาสมุนไพรจีน วิตามิน อาหารเสริมแบบต่างๆ รวมถึงการนวดกดจุดแบบจีน ส่วนผลนั้น หมอไม่ทราบเนื่องจากไม่ได้ลองทำวิธีเหล่านี้เป็นหลัก แต่ผู้เขียนตำรานวดกดจุดแบบจีน Dr. Cheryl Schwartz ได้แนะนำให้เจ้าของแมวลองใช้ดู ซึ่งเธอมีประสบการณ์ด้านการสัตวแพทย์ทางเลือกมากว่า 15 ปีแล้ว
ซึ่งจะขออนุญาตแปลบางส่วนมาลงไว้เป็นวิทยาทาน ส่วนตัวของหมอที่ใช้ในตัวที่ป่วยนอกเหนืองานวิจัย (งานวิจัยจะกำหนดตำแหน่งจุดไม่สามารถเปลี่ยนตามอาการได้) ก็ไม่ตรงกับผู้เขียนตำราเนื่องจากบ้านเรามียาดีอยู่มาก หาได้ง่าย และเน้นการฝังเข็มมากกว่าจึงขอไม่กล่าวถึงประสบการณ์ส่วนตัว แต่อาจจะนำมาเล่าให้ฟังในครั้งต่อๆ ไป
หลักการใช้สมุนไพรในรายที่มีภูมิต่ำ จะใช้เพื่อบำรุง (tonification) และใช้เพื่อการป้องกัน (prevention) ดังนั้นไม่ว่าคุณจะแนะนำใครที่เป็นโรคนี้ ก็ไม่หนีหลักการ สองอย่างนี้
ยาจีน ที่หมอเขาแนะนำให้ใช้ชื่อ Shen Qi Da Bu Wan เป็นยาเพิ่มพลังงาน ช่วยให้อยากอาหาร ลดอาการกระหายน้ำ ในแมว ให้วันละ 1-2 เม็ด เช้า-เย็น
ในส่วนของ อาหารเสริม วิตามิน ใช้พื่อการป้องกัน ในกลุ่มนี้ มีทั้งพวก antioxidant เช่น วิตามินซี (โซเดียมแอสคอร์เบต) 500 มก. เช้า-เย็น (ต้องระวังท้องเสีย อาจลดขนาด หรือ งดไป)
วิตามินอี (ลดการอักเสบ) ใช้ 50 iu และ ซีลีเนียม (ใช้เสริมการดูดซึมวิตามินอี) 5-6 mcg วิตามินเอผสมกับพวกแครอทีน มีใน แครอท มะละกอ ฟักทอง ช่วยเรื่องทางเดินหายใจ แต่มีข้อจำกัดถ้าตับไม่ค่อยดี อาจมีพิษสะสมได้ ขนาดที่ใช้ 2,000 mg. สาหร่ายเซลเดียวหรือที่มีสีเขียวครอโรฟิล ช่วยลดแบคทีเรียและกำจัดพิษจากร่างกาย ในบางรายใช้แล้วอาจมีอาการท้องเสียหรือ เบื่ออาหาร ให้น้อยมาก 1/16 ช้อนชา วิตามินบีรวมและบี12 1/4 เม็ด/วัน หรือขนาด 1/4ของคน ผงสาหร่าย kelp หรือสาหร่ายอื่นๆ จะมีแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น แมกนีเซียม ช่วยเสริมการดูดซึมแคลเซียม 1/8 ช้อนชา/วัน แบคทีเรียกลุ่ม Acidophilus และ Bifidus แบคทีเรียสำคัญในลำไส้ จะช่วยกำจัดเชื้อโรคที่เป็นพิษ 1/4 ของขนาดในคน Superoxide dismutase และ antioxidant อื่นๆ เช่น catalase peroxide เป็น antioxidant ภายในเซลช่วยดึงสารพิษออกจากเซล ช่วยการกำจัดพิษในตับและผิวหน้าของข้อต่อ กรดไขมันที่ขาดไม่ได้ พวกโอเมก้าทั้งหลายช่วยขับพิษและกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน
วิตามินและอาหารเสริมที่กล่าวมาไม่ได้หมายถึงให้บริโภคในคราวเดียว แต่ควรเลือกดูตามอาการ และควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงผลข้างเคียงเสมอ
ส่วน อาหาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญให้หลีกเลี่ยงของหมักดอง มีวัตถุกันเสีย เช่น Ethoxyquine และ BHA ในบ้านเราที่หาได้ง่ายสามารถนำไปผสมกับอาหารอื่นได้ก็มี ข้าวกล้อง ข้าวโพด ธัญพืช พวกถั่วต่างๆ ลูกเดือย รำข้าว ผักเขียว แครอท บรอคโคลี่ กะหล่ำปลี จะเลือกแบบไร้สาร หรือใช้น้ำล้างเอาหลายๆ น้ำ ก็ได้ ส่วนเนื้อสัตว์ควรเป็นพวกปราศจากสารเร่ง ฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ ซึ่งอาจจะยากสักนิดแต่ถ้าต้องทำกินในบ้านอยู่แล้วก็คงพอไหว นอกจากนี้พวกน้ำต้มเนื้อหรือกระดูกก็ใช้ได้ย่อยได้ง่าย ทั้งนี้ อย่าลืมว่าเจ้าเหมียวของเราเป็นมังสวิรัติไม่ได้นะ
ถึงคราวที่เราจะมาลองปรับใช้กับเจ้าเหมียวกันได้ แม้พวกเขาจะไม่ได้ป่วยแต่หากเราได้ดูแลในแนวทางที่เหมาะสมก็ยิ่งจะทำให้สุขภาพของพวกเขาแข็งแรงและห่างไกลจากโรคมากยิ่งขึ้น